การวัดพื้นที่บนแผนที่มีหลายวิธีการ แต่ละวิธีมีความเหมาะสมและได้ผลถูกต้องแม่นยำแตกต่างกันไป ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ในการวัดพื้นที่บนแผนที่เบื้องต้น ผู้ที่วัดขนาดพื้นที่ต้องเข้าใจ

 กรุงเทพมหานครเป็นหน่วยงานท้องถิ่น มีหน้าที่ในการพัฒนาท้องถิ่นในด้านต่าง ๆตามที่กฎหมายกำหนด งบประมาณหลักที่นำมาใช้ ได้จากการจัดเก็บภาษี 3 ประเภท คือ ภาษีโรงเรือนและที่ดิน ภาษีบำรุงท้องที่ และภาษีป้าย

GIS เป็น แค่เครื่องมือ ในการนำเครื่องมือชนิดนี้ไปใช้งาน จำเป็นต้องมีความรู้และเข้าใจความสัมพันธ์ขององค์ประกอบที่เกี่ยวข้อง โดยการประยุกต์ใช้หรือการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ ควรศึกษาในบ้างองค์ประกอบที่เกี่ยวข้อง ได้แก่

สารบัญ


2. หาตำแหน่งบนแผนที่ที่ผู้ใช้แผนที่ยืนอยู่ โดยเริ่มจากลักษณะที่ปรากฏบนภูมิประเทศอย่างน้อยๆ 3 จุด ทางด้านซ้าย ด้านขวา และด้านหน้าหรือด้านหลังของผู้ใช้แผนที่ แล้วจึงเทียบเคียงกับลักษณะที่ปรากฏบนแผนที่

3. บันทึกข้อมูลในภูมิประเทศลงบนแผนที่ การบันทึกข้อมูลลงในแผนที่โดยทราบสัดส่วนหรือมาตราส่วนของแผนที่สามารถทำได้โดยง่าย ซึ่งมีหลักการเบื้องต้นของการเก็บบันทึกข้อมูลดังนี้

3.1 เมื่อทราบมาตราส่วนของแผนที่
1. คำนวณระยะใน 1 หน่วยแผนที่เทียบกับระยะจริงบนภูมิประเทศ เช่น แผนที่
ที่ใช้อ้างอิงจัดเก็บข้อมูลมีมาตราส่วน 1 : 1,000 หมายความว่า 1 เซนติเมตร เท่ากับ 100 เมตร

2. หาตำแหน่งอ้างอิงและทิศทางในแผนที่
3. ลงตำแหน่งข้อมูล เช่น เมื่อลงตำแหน่งตู้โทรศัพท์ซึ่งอยู่ห่างจากทางแยก
ประมาณ 50 เมตร โดยอาจจะวัดระยะด้วยเทปหรือการนับก้าวระหว่างจุดสนใจกับจุดที่ปรากฏในแผนที่

  • ความจริงแล้ว...ระบบ GIS ในปัจจุบัน คือ แนวคิดการวิเคราะห์เชิงพื้นที่แบบโบราณของนักภูมิศาสตร์ ซึ่งต้องการการวิเคราะห์ ประมวลผลและพรรณนาข้อมูลเชิงตำแหน่ง ระยะทาง พื้นที่คู่กับข้อมูลเชิงปริมาณเสมอ

    อ่านเพิ่มเติม...
JSN Epic is designed by JoomlaShine.com